วลาดิมีร์ ปูติน ปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษของนักวิจารณ์ชื่อดังอย่าง อเล็กเซ นาวัลนี โดยให้เหตุผลว่าหากมอสโกอยู่เบื้องหลังความพยายามในชีวิตของเขา งานนี้คงจะสำเร็จ

ปูตินแสดงความคิดเห็นในระหว่างการแถลงข่าวการวิ่งมาราธอนประจำปีของเขาเมื่อวันพฤหัสบดีที่จัดในปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นาวัลนี ซึ่งล้มป่วยระหว่างเที่ยวบินภายในประเทศ 20 สิงหาคม และต่อมาได้บินไปยังกรุงเบอร์ลิน ซึ่งแพทย์และห้องปฏิบัติการอิสระพบร่องรอยของเส้นประสาท Novichok ในร่างกายของเขา

“ถ้าเราต้องการ มันคงเสร็จแล้ว” ปูตินกล่าว พร้อมตอบข้อกล่าวหาที่รัฐรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษของนาวัลนี เขาเน้นว่า “ภรรยาของเขา (ของอเล็กซี่ นาวัลนี) ถามฉัน และฉันสั่งให้เขาไปรับการรักษาที่เยอรมนีทันที”

นาวัลนีกล่าวหาโดยตรงว่าปูตินสั่งฆ่า แต่ทางการรัสเซียปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีที่โนวิโชก พวกเขายังตั้งคำถามถึงความจริงของการทดสอบที่ดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการในฝรั่งเศส สวีเดน และเยอรมนี และได้รับการยืนยันจากองค์กรเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี

ความเห็นของปูตินเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากการสืบสวนของกลุ่มสืบสวน Bellingcat สื่อรัสเซียอย่าง The Insider, CNN และ Der Spiegel ระบุถึงเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับและห้องทดลองที่เกี่ยวข้องกับการโจมตี

ผู้นำรัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่เครมลินแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ประจำปี 2559 อีกด้วย

“แฮ็กเกอร์ชาวรัสเซียไม่ได้ช่วยผู้ดำรงตำแหน่ง ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (โดนัลด์ ทรัมป์) ให้ได้รับการเลือกตั้งและไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้” “นี่เป็นข้อสันนิษฐานและข้ออ้างที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา มันเป็นข้ออ้างที่จะไม่ยอมรับความชอบธรรมของประธานาธิบดีผู้ดำรงตำแหน่งของสหรัฐอเมริกาซึ่งเกิดจากปัญหาการเมืองภายใน” เขากล่าวเสริม

นอกจากนี้ เขายังแสดงความหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะดีขึ้นภายใต้การบริหารของโจ ไบเดน ปูตินสร้างสถิติการแถลงข่าวประจำปีของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งตอนนี้เป็นปีที่ 16 แล้ว งานแถลงข่าวที่ยาวที่สุดในปี 2008 กินเวลา 4 ชั่วโมง 40 นาที โดยประธานาธิบดีตอบคำถามมากกว่า 100 ข้อ

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ rosiewear.com